ประวัติ พ่อขุนรามคําแหง

ประวัติ พ่อขุนรามคําแหง พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระศรีอินทราทิตย์ พระมหากษัตริย์พระองค์แรกของกรุงสุโขทัย สมเด็จพระศรีอินทราทิตย์มีพระมเหสีนามว่า นางเสือง มีพระราชโอรส 3 พระองค์ และพระราชธิดา 2 พระองค์ พระราชโอรสองค์โตสิ้นพระชนม์เมื่อยังทรงพระเยาว์ พระราชโอรสองค์กลางนามว่า บานม่วง และพระราชโอรสองค์ที่ 3 นามว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมื่อพระชนมายุได้ 19 พรรษา ทรงชนะศึกช้างเผือกกับขุนสามจันทร์ เจ้าเมืองโชติ สมเด็จพระศรีอินทราทิตย์ทรงพระราชทานพระนามว่า “พระรามคำแหง”

หลังจากรัชสมัยของสมเด็จพระศรีอินทราทิตย์และสมเด็จพระบานม่วงสิ้นสุดลง พระองค์ก็ทรงครองราชย์สุโขทัย และต่อมาทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์พระร่วง เชื่อกันว่าพระองค์สวรรคตเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2403 ซึ่งเป็นเวลาประมาณ 40 ปีแห่งการครองราชย์ของพระองค์ เมื่อสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นเป็นครั้งแรก อาณาเขตของอาณาจักรยังไม่กว้างใหญ่มากนัก พรมแดนด้านใต้มีเพียงปากน้ำโพเท่านั้น ตั้งแต่ปากแม่น้ำโพธิ์ยังคงเป็นดินแดนของพวกขอม คือ เมืองละโว้ ทิศตะวันตกอยู่เฉพาะที่เขาบรรทัด ทิศเหนือติดกับดินแดนล้านนาบนเขาเขื่อน ทิศตะวันออกอยู่เฉพาะที่เขาบรรทัดซึ่งแยกแม่น้ำสักออกจากแม่น้ำน่าน

อย่างไรก็ตาม ในรัชสมัยพระเจ้าศรีอินทราทิตย์ทรงทำสงครามขยายพรมแดนไทยให้กว้างขึ้นเมื่อมีโอกาส ตามจารึกในศิลาจารึก พระองค์ได้ทรงนำทัพไปยังเมืองโชติและทรงต่อสู้ประชิดตัวด้วยความชำนาญยิ่ง พระเจ้าศรีอินทราทิตย์ทรงดวลกับขุนสามชนเพื่อเข้าเมืองโชติ แต่พ่ายแพ้ต่อขุนสามชน ในเวลานี้เองที่เจ้ารามพระราชโอรสองค์เล็กเริ่มมีบทบาทสำคัญโดยเสด็จไปช่วยโดยขี่ช้างปกป้องพระราชบิดาทันท่วงที พระองค์ยังทรงต่อสู้และปราบกองทัพของขุนสามชนที่เข้าเมืองโชติได้จนแตกกระจัดกระจายและพ่ายแพ้ไป

สมเด็จพระศรีอินทราทิตย์ พระราชบิดาจึงได้พระราชทานนามพระราชโอรสองค์เล็กว่า “เจ้ารามคำแหง” สมเด็จพระศรีอินทราทิตย์ทรงครองราชสมบัติกรุงสุโขทัยจนถึงประมาณ พ.ศ. ๒๔๒๔ จึงเสด็จสวรรคต ทรงมีพระราชโอรส ๒ พระองค์ พระโอรสองค์โตไม่ทราบพระนามเพราะสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระราชโอรสองค์กลางมีพระนามว่า “ขุนบานเมือง” และพระราชโอรสองค์เล็กมีพระนามว่า “เจ้าราม” ต่อมาทรงได้รับการพระราชทานนามใหม่ว่า “เจ้ารามคำแหง” หลังจากทรงปราบกองทัพของขุนสามชล เจ้าเมืองโชติได้สำเร็จ

ประวัติ พ่อขุนรามคําแหง พระเจ้ารามคำแหงมหาราช

เมื่อพระเจ้าศรีอินทราทิตสวรรคต ขุนบานเมือง ซึ่งเป็นโอรสองค์กลาง ได้ครองราชสมบัติต่อไปอีก 9 ปี จึงได้สวรรคต ส่วนเจ้ารามคำแหง พระอนุชาได้ขึ้นครองราชย์แทนและได้พระราชทานพระนามว่า ประวัติ พ่อขุนรามคําแหง

ไม่แน่ชัดว่าเดิมพ่อรามคำแหงมีพระนามว่าอะไร แต่สมเด็จพระยาดำรงราชานุภาพ บิดาแห่งประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่าน่าจะมีพระนามว่า “เจ้าราม” เมื่อเจ้ารามอายุได้ 19 พรรษา พระองค์ได้ร่วมรบกับขุนสามจันทร์ เจ้าเมืองโชติ และทรงแสดงฝีมือการขี่ช้างเพื่อจับพ่อและปราบกองทัพของขุนสามจันทร์ พ่อจึงพระราชทานพระนามใหม่ว่า “เจ้ารามคำแหง”

พ่อรามคำแหงเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่สองของปวงชนชาวไทย และเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยสุโขทัย พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชาญฉลาด เชี่ยวชาญด้านการสงคราม การปกครอง และศาสนา พระองค์ทรงแผ่อาณาจักรสุโขทัยออกไปอย่างกว้างขวางด้วยนโยบายอันชาญฉลาดและรอบคอบ พระองค์ทรงปกครองราษฎรด้วยความยุติธรรม และนำความสงบสุขมาสู่ทุกคน ข้าพเจ้าจะพรรณนาพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามลำดับดังนี้

เมื่อพ่อขุนรามคำแหงขึ้นครองราชย์แทนพ่อขุนบานเมือง อาณาจักรสุโขทัยตกอยู่ในอันตรายทุกด้าน จึงทำให้การขยายอาณาจักรทำได้ยาก เนื่องจากภาคเหนือเชื่อมโยงกับอาณาจักรล้านนาซึ่งมีเชื้อสายไทย พระยาเม็งรายเป็นเจ้าเมืองเงินยาง และพระยางำเมืองเป็นเจ้าเมืองพะเยา พระยาเม็งรายและพระยางำเมืองเป็นเจ้าเมืองที่มีอำนาจมากในสมัยนั้น ส่วนภาคตะวันออกเชื่อมโยงกับดินแดนขอมซึ่งมีชาวไทยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนภาคตะวันตกของอาณาจักรสุโขทัยเป็นเขตแดนของมอญและพม่า ภาคใต้ล้อมรอบด้วยเมืองละโว้ของขอม

การขยายอาณาจักร

ด้วยเหตุนี้ พ่อขุนรามคำแหงจึงต้องใช้นโยบายที่แยบยลและรอบคอบที่สุดในการขยายอาณาจักรของพระองค์ เพื่อหลีกเลี่ยงการฆ่าฟันกันเองในหมู่ชาวไทย แทนที่จะขยายดินแดนไปทางเหนือหรือตะวันออกซึ่งมีผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่มาก พระองค์กลับทรงตัดสินใจขยายดินแดนของพระองค์ไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นดินแดนของชาวขอม และไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นดินแดนของชาวมอญ เพื่อให้ชาวไทยในดินแดนล้านนาได้เห็นความยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งของกองทัพไทยแห่งอาณาจักรสุโขทัยก่อน จากนั้นชาวไทยในดินแดนล้านนาจึงสามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม แม้พระองค์จะตัดสินใจแล้ว พ่อขุนรามคำแหงก็ยังทรงกังวลว่าแม้จะนำกองทัพไปขยายดินแดนเพื่อต่อสู้กับชาวขอมในภาคใต้ พระองค์ก็อาจถูกรุกรานจากทางเหนือได้ บังเอิญว่าในปี พ.ศ. 2372 กษัตริย์แห่งราชวงศ์ง้วนได้ส่งทูตมาขอความเป็นมิตรกับประเทศไทย ดังนั้นพระองค์จึงทรงยอมเป็นมิตรกับจีนเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพจีนรุกรานเมื่อทรงนำทัพไปรบกับขอม ขณะเดียวกันทรงพยายามสร้างความสนิทสนมกับชาวไทยล้านนา เช่น เสด็จไปช่วยพระยามังรายสร้างเมืองหลวงที่เชียงใหม่ เมื่อทรงเห็นว่าความสัมพันธ์ทางภาคเหนือมั่นคงแล้ว จึงทรงขยายอาณาจักรสุโขทัยไปทางใต้ตามลำดับ ในปี พ.ศ. ๒๓๖๖ ทรงพิชิตนครศรีธรรมราชและเมืองอื่นๆ ในคาบสมุทรมาเลย์ รวมทั้งยะโฮร์และเกาะสิงคโปร์ในปัจจุบันประวัติ พ่อขุนรามคําแหง

ในปี พ.ศ. ๒๓๘๕ ทรงพิชิตกัมพูชา ส่วนทางตะวันตกซึ่งติดกับเมืองมอญ พ่อขุนรามคำแหงทรงระมัดระวัง เช่น เมื่อทรงพบว่ามะขามโต เสนาบดีชาวมอญที่ฉลาดและเคยรับใช้ใกล้ชิด ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงด้วยการลักพาตัวลูกสาวหนีกลับเมืองมอญ แทนที่จะทรงนำกองทัพไปรับตัวกลับ พระองค์กลับนิ่งเฉยเพราะทรงสันนิษฐานไว้นานแล้ว พระองค์ทรงแน่ใจว่ามะขามจะหาโอกาสสถาปนาตนเองเป็นผู้นำเมืองมอญ เมื่อมะขามได้เป็นเจ้าเมืองมอญ ก็เหมือนกับว่าพระองค์มีชาวมอญอยู่ในอ้อมแขนโดยไม่ต้องต่อสู้และฆ่ากันเองเพื่อนองเลือด ต่อมาทุกอย่างเป็นไปตามที่พระองค์คาดไว้ มะขามได้เป็นเจ้าเมืองและปกครองอาณาจักรมอญทั้งหมดและประกาศสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนรามคำแหงไม่ต้องสู้รบแต่อย่างใด พระองค์ไปทำพิธีราชาภิเษกให้มะขามและพระราชทานพระนามใหม่ว่า “พระเจ้าฟ้าเรือ” ด้วยนโยบายอันชาญฉลาดและรอบคอบของพระองค์ อาณาจักรไทยจึงได้ขยายตัวในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหง

บทความที่เกี่ยวข้อง